ประโยชน์ของการฝึกสมาธิ

เรียบเรียงโดย
ภญ.ยุวรินทร์ สิริธนันต์ชัย
เภสัชกรประจำร้านเฮลธิแมกซ์

           การทำสมาธิเป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับและแพร่หลายไปทั่วโลก เป็นที่ทราบดีว่าการทำสมาธิมีประโยชน์มากมาย มาดูกันว่าสมาธิส่งผลต่อสมองได้อย่างไร

ก่อนอื่นมารู้จักกับคลื่นไฟฟ้าสมองกันก่อน

           คลื่นไฟฟ้าสมองเมื่อแบ่งตามความถี่ของคลื่นจะแบ่งได้ 4 ประเภท คือ

  1. คลื่นอัลฟา (alpha) เป็นคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ถูกวัดปล่อยตัวตามสบาย รู้สึกผ่อนคลายในระดับหนึ่ง
  2. คลื่นเบต้า (beta)เป็นคลื่นที่บอกได้ถึงความเครียดที่เกิดอยู่ เมื่อมีความเครียดจะตรวจพบคลื่นเบต้าได้ค่อนข้างสูง
  3. คลื่นเธต้า (theta) พบได้ขณะนอนหลับใหม่ ๆ และตรวจพบได้เมื่อมีภาวะผ่อนคลายหรือการใช้สมาธิในระดับที่ลึกขึ้น
  4. คลื่นเดลต้า (delta) พบได้ในผู้ที่นอนหลับปกติ และพบเมื่อมีการใช้สมาธิในระดับลึก

           ในผู้ที่มีความเครียดสะสมจะมีคลื่นเบต้าสูงกว่าคลื่นอัลฟามากและเมื่อมีการควบคุมความเครียดได้คลื่นอัลฟาจะสูงขึ้น พบว่าการทำสมาธิส่งผลให้คลื่นไฟฟ้าสมองชนิดอัลฟาและเธต้าเพิ่มขึ้นและในผู้ทำสมาธิในระดับลึกจะสามารถตรวจพบคลื่นเดลต้าซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าชนิดเดียวกับเมื่อนอนหลับ

           มีการศึกษาในต่างประเทศถึงผลของการทำสมาธิในนักศีกษามหาวิทยาลัย โดยเน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การพิจารณาการเคลื่อนไหวของกะบังลมขณะการหายใจ การพิจารณาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและการพิจารณาตนเองขณะทำสมาธิ พบว่าการทำสมาธิช่วยเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาในขณะที่ต้องเผชิญกับสภาวะทางจิตใจที่ย่ำแย่ การศึกษานี้ยังส่งเสริมสมมติฐานที่ว่าการทำสมาธิด้วยวิธีอื่นใด  เช่น การเล่นโยคะ การฝึกสติและฝึกไทชิ ก็สามารถช่วยลดระดับความเครียดทางอารมณ์ได้เช่นกัน

นอกจากนี้พบว่าการทำสมาธิยังสามารถช่วยส่งเสริมความจำ ลดความเครียด ความวิตกกังวลได้ และยังส่งผลให้ภาวะซึมเศร้าดีขึ้น จากผลการศึกษายังพบว่าหลังการทำสมาธิทำให้ผู้เข้าร่วมการทดลองมีความพึงพอใจในชีวิตมากขึ้น จากผลการศึกษาพบว่าการทำสมาธิด้วยวิธีการฝึกสติเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยลดปัญหาทางจิตใจได้ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่วัยเด็ก

Leave a comment