การกินเจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
การกินเจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
เรียบเรียงโดยภญ.ยุวรินทร์ สิริธนันต์ชัยเภสัชกรประจำร้านเฮลธิแมกซ์
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากทำให้เชื่อได้ว่าการรับประทานอาหารเจมีประวัติดั้งเดิมมาจากประเทศจีนมาอย่างยาวนานกว่าสองพันปี โดยในแต่ละปีจะเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ในเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติแบบจีน หรือในราวปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมของทุกปี การกินเจได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ชาวเอเชียเท่านั้น ในปัจจุบันพบว่ามีตัวเลขผู้รับประทานอาหารเจหรืออาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก และจากผลสำรวจในปี 2562 โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่าคนไทยให้ความสนใจกินเจเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้อาจเป็นผลอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของคนไทยที่หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุอยู่ในช่วง 20-39 ปี
มีงานวิจัยจำนวนมากที่สะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารเจที่น่าสนใจหลายประการ ได้แก่
1.ช่วยป้องกันโรคอ้วน ช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญและช่วยในการลดน้ำหนัก มีงานวิจัยซึ่งทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานซึ่งเป็นโรคอ้วนรับประทานอาหารเจ พบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีน้ำหนักที่ลดลง มีระบบการเผาผลาญและระบบการทำงานของลำไส้ดีขึ้น มีการปรับสมดุมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับทำงานของกระเพาะอาหาร (ฮอร์โมนที่เกี่ยวเนื่องกับความหิวและความอิ่ม) และยังมีผลต่อจุลินทรีย์ที่อยู่ในทางเดินอาหารซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนักในระยะยาว
2.ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารเจมีระดับไขมันคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด (Total cholesterol) และค่าไขมันเลว (LDL) ลดลง
3.ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน โดยเส้นใยที่อยู่ในพืชมีความสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2016 แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเจส่งผลให้มีค่าน้ำตาลสะสม (HbA1c) ลดลง
4.ช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและลดความรุนแรงของโรคของสมองและระบบประสาทส่วนกลาง โดยพบว่าการรับประทานอาหารเจช่วยลดกระบวนการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้อาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเยื่อหุ้มปลอกประสาทอักเสบ (Multiple sclerosis) และโรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (Fibromyalgia) ดีขึ้น มีอาการปวดลดลง ความรุนแรงของโรคลดลง การรับประทานอาหารเจสามารถลดกระบวนการอักเสบได้เนื่องจากในผักและผลไม้มีสารอาหารจำนวนหลายชนิดที่ช่วยลดกระบวนการอักเสบได้
5.อาการปวดหัวไมเกรนดีขึ้น ความถี่ในการปวดศีรษะลดลง
6.ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลและลดภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังส่งผลพัฒนาความจำและอารมณ์
7.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
จะเห็นได้ว่าการรับประทานอาหารเจมีประโยชน์หลายอย่าง สามารถช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคได้หลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเจอย่างเคร่งครัดและรับประทานติดต่อกันเป็นเวลายาวนานนั้นอาจก่อให้เกิดการขาดวิตามิน B12 ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ จึงอาจจำเป็นต้องได้รับวิตามิน B12 เสริม ดังนั้นการเดินทางสายกลาง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกต้องตามหลักโภชนาการ งดเนื้อแดง อาหารแปรรูปและอาหารไขมันสูง เน้นการรับประทานผักและผลไม้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในสภาวะปัจจุบัน